วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561

อาหารหลัก 5 หมู่...คุณรู้ดีแค่ไหน




           มีแรงจูงใจ 2 ประการที่จำเป็นจะต้องนำอาหารหลัก 5 หมู่ มาทบทวนตอกย้ำ ทั้งที่ทราบดีว่าคนไทยส่วนมากรู้จักมักคุ้นอยู่แล้ว แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่พอพูดถึงอาหารหลัก 5 หมู่ มักจะบอกเป็นสารอาหาร 5 ชนิด แทนการบอกชนิดของอาหาร ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญมากนัก แต่อยากจะให้คนไทยได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน
          อีกประการหนึ่ง อาจจะดูเป็นเรื่องตลกแต่สะท้อนใจให้เห็นอะไรบางอย่าง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานมาแล้ว

         ที่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง มีนักวิชาการไปสอนให้ชาวบ้านกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ อธิบายอย่างยืดยาวแล้วบอกชาวบ้านว่า เดือนหน้าจะมาเพื่อติดตามดูว่าชาวบ้านกินครบ 5 หมู่หรือไม่ พอครบหนึ่งเดือนนักวิชาการกลับมายังหมู่บ้านแห่งนั้น เริ่มด้วยการถามคุณยายคำ อายุ 70 ปี ว่ากินอาหารครบ 5 หมู่ไหม ยายคำตอบชัดถ้อยชัดคำว่าเพิ่งกินได้แค่ 4 หมู่เอง หมู่ที่ 5 ยังไม่ได้กิน นักวิชาการถามกลับไปว่าเพราะเหตุใด ยายคำตะโกนก้องว่า หมู่ 5 อยู่ไกลมากเดินไปกินไม่ไหว
ยายคำคิดว่านักวิชาการบอกให้กินเป็นรายหมู่บ้าน เรื่องนี้น่าจะเกิดการผิดพลาดแน่นอน หากนักวิชาการมีวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับชาวบ้าน


        ส่วนความสับสนระหว่างการเรียกชื่ออาหารให้ครบ 5 หมู่ กับเรียกสารอาหาร 5 ชนิดแทนนั้น จะขอทบทวนให้เข้าใจตรงกันดังนี้

หมู่ที่ 1 เรียกว่า นม ไข่ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ถั่วเมล็ดแห้ง และงา ให้สารอาหารโปรตีน ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

หมู่ที่ 2 เรียกว่า ข้าว แป้ง เผือก มัน น้ำตาล ให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรต เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย

หมู่ที่ 3 เรียกว่า พืชผักต่าง ๆ ให้สารอาหารวิตามิน และแร่ธาตุ เพื่อเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้ปกติ

หมู่ที่ 4 เรียกว่า ผลไม้ต่าง ๆ ให้สารอาหารและประโยชน์เหมือนหมู่ที่ 3

หมู่ที่ 5 เรียกว่า น้ำมันและไขมันจากพืชและสัตว์ ให้สารอาหารไขมัน เพื่อให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย

         ต่อไปนี้เราไม่ควรเรียก อาหารหมู่ 1 โปรตีน หมู่ 2 คาร์โบไฮเดรต หมู่ 3 วิตามิน หมู่ 4 แร่ธาตุ หมู่ 5 ไขมัน อีกต่อไปแล้ว ควรเรียกชื่ออาหารแทน

        เหตุผลที่กำหนดอาหารหลัก 5 หมู่ขึ้นก็เพื่อที่จะให้คนไทยกินอาหารให้ได้สารอาหาร ครบ 5 ชนิด โดยนำเอาอาหารที่มีสารอาหารเหมือนกันมาไว้ในหมู่เดียวกัน แต่ร่างกายของคนเราต้องการสารอาหารให้ครบทั้ง 5 ชนิดในแต่ละวัน ดังนั้น เราจึงต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ทุกวัน เพราะไม่มีอาหารชนิดในชนิดหนึ่งที่จะให้สารอาหารครบทั้ง 5 ชนิด 



ที่มาเนื้อหา https://health.kapook.com/view2924.html
ที่มาวีดีโอ https://www.youtube.com/watch?v=pT2CrXkNIfA

อาหารคลีน เมนูเพื่อสุขภาพ ช่วยควบคุมน้ำหนัก




เมนูอาหารคลีน

พร้อมแล้วกับ เมนูอาหารคลีนง่ายๆ ทำเอง เมนูเพื่อการควบคุมน้ำหนัก 15 อย่าง ดูสิ ! อาหารแต่ละเมนู คิดเอง ปรุงเองเลยนะ ชื่อเมนูก็เรียกไปตามวัตถุดิบที่ทำ ลองไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1. ขนมปังทูน่า

เป็นเมนูประยุกต์ที่มีความเก๋ไก๋ แต่ไม่หายไปซึ่งรสชาติที่ดี มีความมันของไข่และทูน่าเข้ากันอย่างมาก เสิร์ฟพร้อมกับเสาวรสสด 1 ลูก ส่วนผสมก็ประกอบไปด้วย ไข่แดง 1 ฟอง ไข่ขาว 2 ฟอง (ว่ากันว่า เราสามารถรับประทานไข่ขาวได้ถึงวันละ 5 ฟองเชียวนะ แต่เน้นว่าไข่ขาวอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนไข่แดงอย่างมากที่สุดวันละ 1 ฟองก็เพียงพอแล้ว) ต่อด้วยขนมปังโฮลวีท 2 แผ่น ทูน่าในน้ำแร่ ผักสดก็เลือกเอาตามใจชอบ ส่วนวิธีทำก็เอามาประกอบร่างกันให้เป็นเหมือนในรูป เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารคลีน 1 อย่างที่ไม่ต้องปรุงรสเติมชาติให้จัด ก็อร่อยได้เหมือนกัน แถมดีต่อสุขภาพด้วย

2. แซนวิชไข่คน + ทูน่า

เมนูนี้นั้นออกจะง่ายแสนง่าย มีวัตถุดิบไม่กี่อย่างก็สามารถนำมาประกอบเป็นอาหารคลีนรสชาติดีๆ ได้เพิ่มอีก 1 อย่าง เป็นเมนูที่คล้ายกับเมนูแรก มีไข่ 1 ฟอง ตีลงในกระทะแล้วตีให้แตก คนๆๆ ให้เป็นลักษณะคล้ายกับ Omlet โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน จะให้ความรู้สึกผิวสัมผัสของไข่ด้านหน่อยๆ แต่ก็อร่อยเหมือนกัน ตามด้วยขนมปังโฮลวีท 2 แผ่น ปิดท้ายด้วยผักตามใจชอบ เสิร์ฟพร้อมกับเสาวรสสดๆ 1 ลูกเช่นกัน อะไรจะธรรมชาติขนาดนี้

3. ข้าวกล้องคลุกสับปะรดใส่อกไก่


เมนูนี้เพียงแค่มีไมโครเวฟก็สามารถทำได้ง่ายๆ มีส่วนผสมเป็นข้าวกล้อง สับปะรด เนื้ออกไก่ ผักต่างๆ ตามใจชอบ แล้วปิดท้ายด้วยมะนาว 1 ซีกเป็นการเพิ่มรสชาติความเปรี้ยวที่ตัดกับความมันของข้าว อกไก่ และความเปรี้ยวอมหวานของสับปะรดได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งอาหารคลีนที่มีรสชาติถูกปากอย่าบอกใครเชียว กินแล้วเจริญอาหารชัวร์ !

4. ข้าวกล้องไข่ทูน่า


บอกเลยว่าเมนูนี้เป็นอะไรที่คลีนมากๆ ประกอบด้วยไข่ ทูน่า เสิร์ฟพร้อมผักสดที่เราชอบ กินคู่กับข้าวไรซ์เบอรี่ร้อนๆ เพียงเท่านี้ก็อร่อยได้แบบคลีนๆ แล้ว

5. ก๋วยเตี๋ยวหมี่ข้าวกล้องต้มยำแห้ง


มาดูเมนูที่เป็นเส้น หรือเมนูก๋วยเตี๋ยวที่เราชื่นชอบกันบ้างดีกว่า บอกไว้ก่อนเลยว่าเมนูนี้อาจจะไม่คลีน 100% แต่รับรองได้ว่าแคลอรี่ไม่สูงเท่ากับก๋วยเตี๋ยวทั่วๆ ไปอย่างแน่นอน ส่วนผสมก็หาได้ไม่ยาก ประกอบไปด้วย เส้นหมี่ข้าวกล้อง ถั่วฝักยาว ผักลวกแล้วแต่ตามชอบ ลูกชิ้นอกไก่ หรืออาจใส่เป็นอกไก่รวนกับน้ำสต๊อกก็ได้ จากนั้นใส่เครื่องปรุงเล็กน้อยเพื่อให้เกิดรสชาติ คราวนี้ก็พร้อมที่จะอิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารคลีนเมนูนี้แล้ว





ที่มาเนื้อหา https://www.sanook.com/women/51845/

ที่มาวีดีโอ https://www.youtube.com/watch?v=gLrAK5YWnuw

สุดยอด อาหารล้างพิษในร่างกาย






         เมื่อพูดถึงการล้างพิษในร่างกายนั้น อาหารจัดได้ว่าเป็นยาที่ดีที่สุด คุณจะแปลกใจว่าในอาหารโปรดหลายชนิดนั้นช่วยล้างพิษในร่างกายคุณได้ ไม่ว่าจะเป็น ตับ ลำไส้ ไต หรือผิวพรรณ ทั้งยังช่วยป้องกันการก่อตัวของสารพิษได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังปกป้องสารพิษจากมลภาวะรอบตัว การเสพติดอาหาร ควันบุหรี่มือสอง รวมไปถึงสารพิษชนิดอื่นๆ ด้วยการรับประทานอาหารผลไม้อร่อยๆ ผักสด ถั่ว และน้ำมันชนิดต่างๆ ดังนี้

1. แอปเปิ้ล


เพราะในแอปเปิ้ลอุดมไปด้วยเพคติน ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารชนิดที่สามารถดักจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายได้ ช่วยกำจัดสารพิษแล้วขับออกมาทางลำไส้ ถ้าจะให้ดีควรเลือกทานแอปเปิ้ลที่ปลูกแบบออแกนิก

2. อะโวคาโด


เรามักจะคิดแค่ว่าอะโวคาโดเป็นอาหารคลีน แต่ความจริงแล้วอะโวคาโดนี้เป็นแหล่งของสารอาหารที่ทรงพลัง ทั้งยังมีคอเลสเตอรอลต่ำ และช่วยขยายหลอดเลือด และช่วยปิดกั้นสารพิษที่เข้ามาทำลายหลอดเลือดแดง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีชื่อว่ากลูต้าไธโอน ช่วยต้านทานสารก่อมะเร็งได้อย่างน้อยถึง 30 ชนิดด้วยกัน อีกทั้งยังช่วยล้างพิษตับจากสารเคมีต่างๆ ได้

3. บีทรูท (ผักกาดแดง)

ในหัวบีทรูทนั้นมีสารประกอบตามธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ที่ช่วยในการฟอกเลือด และจัดเป็นพืชที่ช่วยในการล้างพิษตับได้อย่างดีเยี่ยม

4. บลูเบอร์รี่


บลูเบอร์รี่จัดเป็นอาหารเพื่อการบำบัดที่ทรงพลังอีกชนิดก็ว่าได้ เพราะในบลูเบอร์รี่นั้นมีแอสไพรินตามธรรมชาติที่ช่วยลดผลกระทบจากเนื้อเยื่ออักเสบเรื้อรัง และลดความเจ็บปวดลงได้ นอกจากนี้บลูเบอร์รี่ยังทำหน้าที่เป็นยาปฏิชีวนะด้วยการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการต้านไวรัสและป้องกันสารพิษเข้าสู่สมองได้ด้วย

5. กะหล่ำปลี


ในกะหล่ำปลีมีสาระต้านมะเร็งอยู่หลายชนิด และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกจำนวนมากช่วยให้ตับทำลายฮอร์โมนส่วนเกินออกไป อีกทั้งในกะหล่ำปลียังช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดสารพิษจากควันบุหรี่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการล้างพิษของตับได้
ที่มา https://www.health-th.com/15-%E0%B8%AD

เคล็ดลับง่ายๆ กินดีสุขภาพดี




             ใครๆก็อยากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงด้วยกันทั้งนั้น แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ยิ่งเป็นการรักษาสุขภาพในระยะยาวด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความใส่ใจกันเป็นพิเศษ บางคนถึงกับกังวลว่าเราทำได้ถูกวิธีหรือเปล่า ขยับมาทางนี้สิคะ มาดูกันว่าเคล็ดลับกินดีสุขภาพดีทั้ง 9 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง

1. เลือกกินผักและผลไม้หลากสี


เราคงเคยได้ยินเกี่ยวกับผักและผลไม้ 5 สี 5 อย่างมาบ้างแล้ว นั่นเป็นการกินที่ถูกต้องที่สุดเลยคะ และในแต่ละมื้อควรมีผักและผลไม้อย่างน้อย 5 อย่าง เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระสูง และเป็นการหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ไม่ดี

2. กำจัดปริมาณแคลอรี่ในเครื่องดื่ม
อย่าง น้ำอัดลม น้ำหวาน สมูตตี้ หรือน้ำผลไม้ ควรหันมาทานผลไม้สดที่ไม่มีรสหวาน หรือเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่าให้ได้ 8-12 แก้วแทน หากเบื่อเมนูแบบเดิมๆอาจจะเปลี่ยนมาเป็น น้ำผักผลไม้แบบแยกกากดูก็ไม่เลวเชียวคะ

3. เพิ่มผักในมื้ออาหารเพื่อรอบเอวให้น่าอิจฉา

การเพิ่มผักลงไปในมื้ออาหารของคุณ ไม่ว่าจะเป็น พริกหยวก ผักสลัด มะเขือเทศ โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูงอย่าง พิซซ่า เพราะจะทำให้คุณอิ่มได้เร็วขึ้นอีกทั้งยังทำให้คุณไม่อยากขนมหวาน
4. เลิกกินอาหารทุกอย่างที่คุณอยากกิน
บ่อยครั้งที่ร่างกายเรามักจะโหยหาอาหารที่ชอบอย่าง เฟรนช์ฟราย นักเก็ตไก่ อาหารเหล่านี้เราไม่ได้บอกให้คุณอดเลยทันทีคะ เพราะนั่นจะเป็นการหักดิบที่มากเกินไป เพียงแต่ให้คุณเปลี่ยนเมนูจากทอดมาเป็นการอบแทน

5. กินมื้อเล็กๆทุก 4-5 ชั่วโมง

อาหารมื้อเล็กๆที่จัดแบ่งในแต่ละวัน จะช่วยให้ร่างกายของคุณไม่หิว และยับยั้งอาการปวดท้องและช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้คงที่

6. เลือกอาหารออร์แกนิกแทนอาหารแปรรูป


อาหารออร์แกนิกเป็นอาหารที่ไม่ผ่านยาฆ่าแมลงและปลอดสารพิษ เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าและวิตามินแร่ธาตุที่สำคัญต่างๆ

7. เลือกไขมันดีมาเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร

เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยในการเผาผลาญไขมันและลดปริมาณคอเรสเตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกาย

8. เลี่ยงการกินแบบไม่มีเหตุผล

สาวๆหลายคนมักจะมีนิสัยว่างเป็นกินตลอด ทั้งๆที่ไม่ได้หิวหรอกนะ แต่อยากหาอะไรทำเท่านั้นเอง ลองหันมาเปลี่ยนเป็นการออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ อย่างการซิทอัพ หมุนฮูล่าฮูป ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเผาผลาญ ยังช่วยให้คุณลืมความอยากอาหารอีกด้วย

9. อาหารที่มีแคลอรีสูงทิ้งไปซะ


อย่างไอครีม น้ำหวาน น้ำผลไม้กล่อง น้ำอัดลม ควรเอาออกจากตู้เย็นไปซะ เปลี่ยนมาเป็น น้ำเปล่า ผลไม้สด น้ำผึ้ง เนยถั่ว เมล็ดทานตะวัน ซีเรียลธัญพืช เป็นต้น

      เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับเคล็ดลับกินดีสุขภาพดีแบบง่ายๆที่ทาง Health-TH นำมาฝาก น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ สาวๆคนไหนที่อยากมีสุขภาพที่ดีอย่าลืมนำไปปรับใช้กันดูนะคะ

ที่มาของเนื้อหา https://www.health-th.com/9-%E0%B9%

5 อาหารบำรุงสายตา ช่วยให้ดวงตาของคุณมีสุขภาพดี




อาหาร 5 ชนิดที่มีประสิทธิภาพสุดมหัศจรรย์ที่ช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็นได้อย่างคมชัด

      ไม่ใช่แค่แครอทเท่านั้น คุณอาจเคยได้ยินว่าแครอทและผลไม้สีส้มทั้งหลายนั้นบำรุงสุขภาพของดวงตาและการมองเห็นได้ นั่นคือเรื่องจริง เพราะ Beta-carotene ที่ทำให้อาหารมีส้มนี้เป็นวิตามินเอชนิดหนึ่ง อาหารดังกล่าวเหล่านี้ช่วยฟื้นฟูเรตินาและส่วนอื่นๆ ของดวงตา ช่วยให้ทำงานได้อย่างราบรื่น

      แต่การกินอาหารเพื่อบำรุงดวงตาก็ไม่ใช่การทานแค่เบต้าแคโรทีนเท่านั้น ยังมีวิตามินและแร่ธาตุชนิดอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับดวงตาที่แข็งแรงด้วย อาหารทั้ง 5 ชนิดนี้จึงมีความสำคัญที่จะช่วยให้ดวงตาของคุณสุขภาพดีไปได้อีกนาน

1. ผักใบเขียว
      ผักใบเขียวนี้อุดมไปด้วย Lutein และ Zeaxanthin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่าช่วยลดความเสื่อมของจอประสาทตาและการเกิดต้อกระจกได้



2. ไข่
      ไข่แดงเป็นแหล่งของ Lutein และ Zeaxanthin รวมไปถึง Zinc ด้วย ทั้งหมดนี้ช่วยลดความเสี่ยงของการเสื่อมของจอประสาทตา ซึ่งอ้างอิงจากนายแพทย์ Paul Dougherty ผู้อำนวยการด้านการแพทย์แห่ง Dougherty Laser Vision ในลอสแอนเจลิส


3. ผลไม้ตระกูลส้มและเบอร์รี่


     ผลไม้เหล่านี้เป็นแหล่งของวิตามินซี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเสื่อมของจอประสาทตาและลดการเกิดต้อกระจกได้



4. อัลมอนด์


       ในอัลมอนด์อุดมไปด้วยวิตามินอี ซึ่งผลการวิจัยพบว่าช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา แค่ทานวันละหนึ่งฝ่ามือ เท่านั้นก็ได้รับวิตามินอีถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่แนะนำต่อวันแล้ว


5. ปลาที่มีไขมันสูง

        ทั้งปลาทูน่า, ปลาแซลมอน, ปลาแมคเคอเรล, ปลาแอนโชวี่ รวมไปถึงปลาเทราต์ อุดมไปด้วย DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้มากในเรตินา ช่วยให้ห่างไกลโรคตาแห้ง ซึ่งนายแพทย์ Jimmy Lee ผู้อำนวยการด้านการผ่าตัดสายตาแห่ง Montefiore Medical Center ในนิวยอร์กซิตี้ ได้กล่าวไว้




แหล่งที่มาเนื้อหา https://www.health-th.com/



4 สูตรเอนเนอร์จี้บอล สูตรขนมไม่ต้องอบกินเล่นเพิ่มพลังมั่นใจหุ่นปัง




         งานขนมไม่อ้วนก็มา ! ชวนทำเมนูเอนเนอร์จี้บอล (Energy Ball) สูตรขนมใส่ธัญพืชเพื่อสุขภาพ เสิร์ฟเป็นก้อนกลมกินเพลินอิ่มท้อง จัดบ่ายนี้เลยเถอะ 

          จากที่เคยทำเมนูธัญพืช ลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นสูตรธัญพืชอัดแท่งหรือธัญพืชอบกรอบ ลองเปลี่ยนมาทำธัญพืชบอลกันบ้างดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเอนเนอร์จี้บอล เช่น ช็อกโกแลตบอล อัลมอนด์บอล เนยถั่วบอล และเมนูเอนเนอร์จี้บอลที่น่าสนใจอีกเพียบ ไปล้างมือเตรียมปั้นกันเลยค่ะ


1. ช็อกโกแลตบอลธัญพืช (No-Bake Chocolate Energy Balls)
         เตรียมผงโกโก้ให้พร้อมแล้วมาลุยทำเมนูช็อกโกแลตบอลธัญพืชสักครั้ง สูตรนี้มีส่วนผสมของข้าวโอ๊ต เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย เนยถั่ว และน้ำผึ้ง เพิ่มความเข้มข้นด้วยผงโกโก้และช็อกโกแลตชิพ พอปั้นเป็นก้อนกลมก็หม่ำเป็นอาหารว่างกันเลยจ้า 

ส่วนผสม ช็อกโกแลตบอลธัญพืช (ประมาณ 15-20 ลูก)

• ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย
• เมล็ดแฟลกซ์ 1/3 ถ้วย
• ผงโกโก้ สูตรไม่หวาน 1/4 ถ้วย
• เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ
• เนยถั่ว 1/2 ถ้วย
• น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• มินิช็อกโกแลตชิพ 1/3 ถ้วย
• นมอัลมอนด์ 1-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำช็อกโกแลตบอลธัญพืช

1. คนผสมส่วนผสมของแห้ง ได้แก่ ข้าวโอ๊ต เมล็ดแฟลกซ์ ผงโกโก้ และเมล็ดเจีย ผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
2. คนส่วนผสมของเปียก ได้แก่ เนยถั่ว น้ำผึ้ง และกลิ่นวานิลลา ผสมให้เข้ากัน เทลงในส่วนผสมของแห้ง คนผสมให้เข้ากัน
3. ใส่ช็อกโกแลตชิพลงไป คนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ถ้าส่วนผสมแห้งเกินไปเติมนมอัลมอนด์เล็กน้อย
4. ปั้นเป็นก้อนกลม นำใส่ภาชนะแล้วเอาไปแช่เย็น ประมาณ 30 นาที จัดเสิร์ฟ



2. ช็อกโกแลตบอลอินทผาลัม (Raw Chocolate Brownie Bites)

        ช็อกโกแลตบอลธัญพืชเครื่องเคราเยอะไปหน่อย ลองเปลี่ยนมาทำเมนูช็อกโกแลตบอลอินทผาลัมดีไหม เพราะส่วนผสมมีหลัก ๆ มีแค่ข้าวโอ๊ต อินทผาลัม และผงโกโก้ อาจเติมกลิ่นวานิลลาเพิ่มความหอมหน่อย

ส่วนผสม ช็อกโกแลตบอลอินทผาลัม (ประมาณ 12 ลูก)

• ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย
• ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• อินทผาลัม 8 ลูก
• น้ำเปล่า

วิธีทำช็อกโกแลตบอลอินทผาลัม


1. ใส่ผงโกโก้กับข้าวโอ๊ตลงไปปั่นในเครื่องปั่นจนละเอียด
2. เติมกลิ่นวานิลลาและอินทผาลัมลงไปปั่นจนละเอียดเข้ากัน เติมน้ำลงไปพอให้เกาะตัว
3. ใช้สกู๊ปตักส่วนผสมให้ได้ประมาณ 12 ลูก จัดเสิร์ฟ หรือเก็บใส่ภาชนะได้ประมาณ 10 วัน


3. เนยถั่วช็อกโกแลตบอล (Peanut Butter Chocolate Ball)

       ใครมีเนยถั่วเยอะแยะลองแบ่งมาทำเมนูเนยถั่วช็อกโกแลตบอล สูตรจาก นิตยสาร Gourmet & Cuisine ใส่เนยถั่วกับข้าวโอ๊ต เพิ่มความกรุบจากถั่วและธัญพืชต่าง ๆ สุดท้ายใส่ช็อกโกแลตชิพ

ส่วนผสม เนยถั่วช็อกโกแลตบอล

• เนยถั่ว 1 ถ้วย
• น้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย
• น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• ข้าวโอ๊ต 1+1/4 ถ้วย
• เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบสับ 1/2 ถ้วย
• เมล็ดทานตะวัน 1/4 ถ้วย
• ถั่วลิสงอบสับ 1/4 ถ้วย
• ช็อกโกแลตชิพ 1/2 ถ้วย

วิธีทำเนยถั่วช็อกโกแลตบอล


1. ผสมเนยถั่ว น้ำผึ้ง และน้ำมันมะพร้าว ตั้งไฟอ่อน คนให้เข้ากันจนส่วนผสมข้นเหนียว ใส่กลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน นำไปแช่ตู้เย็นให้ส่วนผสมเย็นตัว
2. พอส่วนผสมเนยถั่วเย็นแล้วใส่ข้าวโอ๊ต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน และถั่วลิสง คลุกเคล้าให้เข้ากันทั่ว ใส่ช็อกโกแลตชิพ คลุกให้ทั่ว
3. ปั้นเป็นก้อนกลมเท่าผลมะนาว (ผลเล็ก) เรียงใส่กล่อง ปิดฝา แช่เย็นก่อนเสิร์ฟ


4. เมล็ดเจียเนยถั่วบอล (Chia Peanut Butter Protein Balls)

       เติมพลังยามบ่ายกันด้วยเอนเนอร์จี้บอลสูตรนี้ดีกว่า พบกับเมนูเมล็ดเจียเนยถั่วบอล ความพิเศษคือใส่เมล็ดเจียกับเนยถั่ว เพิ่มอินทผาลัมและผงโปรตีน

ส่วนผสม เมล็ดเจียเนยถั่วบอล

• อินทผาลัมอบแห้ง 6 ลูก
• ผงโปรตีน 25 กรัม
• เนยถั่ว 4 ช้อนโต๊ะ
• เมล็ดเจียบด 2 ช้อนชา

วิธีทำเมล็ดเจียเนยถั่วบอล

1. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในเครื่องผสมอาหาร บดจนเป็นเนื้อเดียวกัน
2. นำส่วนผสมที่บดเข้าด้วยกันแล้วประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ มาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ
3. ใส่ภาชนะมิดชิดแล้วนำไปแช่ในตู้เย็นก่อนรับประทาน


แหล่งที่มาเนื้อหา https://cooking.kapook.com/view189823.html